header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

อดีตนายกฯ นาจิบของมาเลเซียติดคุก 12 ปี ฐานทุจริตอื้อฉาว หลังศาลสูงสุดพิพากษายืน

ASEAN News

23 สิงหาคม 2565 :  ศาลสูงสุดของมาเลเซียพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในวันอังคาร (23 ส.ค.) ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค มีความผิดตามข้อหาต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีฉาวโฉ่ทุจริตฉ้อโกงเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกองทุน 1 MDB ของรัฐ และต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี

คำตัดสินของศาลสหพันธรัฐคราวนี้ เป็นหลักหมายแสดงถึงความตกต่ำอย่างที่สุดของ นาจิบ ซึ่งเพียงเมื่อ 4 ปีก่อน ยังปกครองมาเลเซียอยู่ด้วยอำนาจอันเต็มล้น และพยายามหยุดยั้งตลอดจนบ่อนทำลายการสอบสวนในระดับต่างๆ เกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวของกองทุน 1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ซึ่งมีพวกสถาบันการเงินและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั่วโลกเกี่ยวข้องพัวพันด้วย

พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนระบุว่า เงินจำนวนประมาณ 4,500 ล้านดอลลาร์ถูกโจรกรรมออกไปจากกองทุน 1 MDB ซึ่ง นาจิบ เป็นผู้ร่วมจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีแรกที่เขาขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2009 และในจำนวนนี้ มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ไหลผ่านบัญชีต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องโยงใยกับ นาจิบ

อดีตนายกฯ ผู้นี้ซึ่งสวมชุดสูทสีเข้มและผูกไท นั่งอยู่ในคอกจำเลยขณะที่มีการอ่านคำตัดสิน ภรรยาของเขา โรสมาห์ มานซอร์ ซึ่งก็ถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชันด้วยเช่นกัน รวมทั้งลูกๆ 3 คนนั่งอยู่ข้างหลังที่นั่งของเขา

ภายหลังการอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้นำตัว นาจิบ ออกไป และต่อมาเขาถูกนำตัวออกจากศาลโดยรถยนต์สีดำท่ามกลางการคุ้มกันของตำรวจ เจ้าหน้าที่ศาลและแหล่งข่าวหลายรายซึ่งใกล้ชิดกับ นาจิบ ระบุว่า เขาถูกนำตัวไปยังเรือนจำคาจัง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ราวๆ 40 กิโลเมตร

อาดิบ ซัลกัปลี ผู้อำนวยการของ โบว์เออร์ กรุ๊ปเอเชีย ซึ่งเป็นสำนักงานที่ปรึกษาเรื่องความเสี่ยงทางการเมือง ให้ความเห็นว่า นาจิบจะเป็นที่จดจำกันสำหรับการสร้างสถิติครั้งแรกเป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่า นายกรัฐมนตรีคนแรกที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไป นายกฯ คนแรกที่ถูกตัดสินจำคุก

 

นาจิบซึ่งสำเร็จการศึกษาจากอังกฤษ เป็นบุตรชายของนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสูงในการสถาปนามาเลเซียขึ้นมาจากการเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร

ตัวนาจิบ ครองตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 2009 จนถึงปี 2018 เมื่อตอนที่สาธารณชนแสดงความโกรธเกรี้ยวเกี่ยวกับกรณีฉ้อโกงฉาวโฉ่ จนนำไปสู่การพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง และอีกหลายเดือนต่อมาเขาก็ถูกฟ้องร้องในความผิดคอร์รัปชันหลายสิบข้อหา

อดีตนายกฯ ผู้นี้ซึ่งปัจจุบันอายุ 69 ปี ถูกศาลชั้นต้นตัดสินในเดือน ก.ค.2020 ว่ามีความผิดทางอาญาทั้งในเรื่องการทำผิดหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย การใช้อำนาจโดยมิชอบ และการฟอกเงินเพื่อให้ได้รับเงินผิดกฎหมายประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ จากเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล อดีตหน่วยงานหนึ่งของ 1 MDB ในตอนนั้นเขาได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างการยื่นอุทธรณ์

กรณีฉาวโฉ่ 1 MDB สะพัดออกไปไกลและมีผู้เกี่ยวข้องในหลายประเทศ ทำให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดการสอบสวน ซึ่งกลายเป็นการสอบสวนคดีรัฐบาลปล้นชาติปล้นแผ่นดินที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กระทรวงเคยดำเนินการมา

ทั้งนี้ นอกจาก นาจิบ แล้ว ยังมีผู้ที่ถูกระบุว่าได้รับเงินซึ่งแอบโจรกรรมมาจากกองทุน 1 MDB อีกหลายราย โดยรายที่โด่งดังกว่าเพื่อนคือนักการเงินชื่อ โจ โลว์ ซึ่งได้ใช้เงินไปในการซื้อทรัพย์สินฟุ่มเฟือยต่างๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ ภาพเขียนฝีมือปีกัสโซ เครื่องบินไอพ่นส่วนตัว เรือยอชต์ระดับซูเปอร์ยอชต์ โรงแรมหลายแห่ง และกระทั่งให้เงินทุนสนับสนุนเพื่อสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง “The Wolf of Wall Street” เมื่อปี 2013

ในการพิจารณาคดีของศาลสูงสุดคราวนี้ นอกจากไม่รับคำอุทธรณ์สุดท้ายของนาจิบแล้ว ศาลยังปฏิเสธคำขอของเขาที่จะให้ชะลอการลงโทษเอาไว้ก่อน โดยระบุว่า เหตุผลข้อโต้แย้งของฝ่ายจำเลยขัดแย้งกันเองและไม่น่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน บทลงโทษก็ไม่ได้เกินเลยไปแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะระบุว่า คณะผู้พิพากษาตัดสินคดีนี้ซึ่งมี 5 คน เห็นพ้องกันเป็นเอกฉันท์ให้ยกอุทธรณ์ของนาจิบ

นาจิบ ผู้ซึ่งยังคงยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิด ถูกตัดสินโทษในท้ายที่สุดคือจำคุก 12 ปี และปรับเป็นเงิน 210 ล้านริงกิต (ราว 46.84 ล้านดอลลาร์)

ทางด้าน อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำของฝ่ายค้านแถลงว่า คำพิพากษานี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงอำนาจของประชาชน

“ประชาชนได้ตัดสิน (ในการเลือกตั้งทั่วไป) เมื่อปี 2018 เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีระบบยุติธรรมที่เป็นอิสระ และประเทศจะสะอาดปลอดจากการติดสินบน การตัดสินครั้งนั้นเปิดทางให้การดำเนินคดีต่างๆ ดำเนินไปในแบบมืออาชีพ” เขาบอก

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน