header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

ปธน.ฟิลิปปินส์ขู่จับกุมคนไม่ฉีดวัคซีนแล้วละเมิดคำสั่งหยุดอยู่บ้าน

ASEAN News

7 มกราคม 2565 : ประธานาธิบดีโรดิโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) เตือนว่าบุคคลใดก็ตามที่ยังไม่ฉีดวัควีนโควิด-19 จะมีสิทธิถูกจับกุมหากว่าคนเหล่านั้นไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหยุดอยู่บ้าน ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนในประเทศแห่งนี้

ดูเตอร์เต กล่าวระหว่างแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ระบุว่า เขากำลังขอให้บรรดาผู้นำชุมชนมองหาบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และสร้างความมั่นใจว่าคนเหล่านั้นจะกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านพัก "ถ้าพวกเขาปฏิเสธ ถ้าพวกเขาออกไปนอกบ้าน ไปทั่วชุมชน พวกเขาจะถูกสกัด แต่หากพวกเขาปฏิเสธ เวลานี้ตำรวจมีอำนาจจับกุมบรรดาบุคคลหัวดื้อเหล่านี้"

เคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในฟิลิปปินส์แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน อยู่ที่ 17,220 คนในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) กระทรวงสาธารณสุขระบุ ในนั้นบางส่วนมีต้นตอจากระลอกการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน

ตัวเลขดังกล่าวซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของวันอังคาร (4 ม.ค.) ถึง 3 เท่า ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของฟิลิปปินส์พุ่งแตะ 2.88 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 51,700 คน นับเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรองเพียงอินโดนีเซีย

"ผมมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยและความผาสุกของชาวฟิลิปปินส์ทุกคน" ดูเตอร์เต กล่าว พร้อมท้าทายบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ให้ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับเขา

 

ในช่วงปลายปีที่แล้ว มีประชาชนชาวฟิลิปปินส์ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว 49.8 ล้านคน หรือ 45% ของประชากร 110 ล้านคน และภายใต้กฎข้อบังคับใช้ปัจจุบัน ชาวบ้านในกรุงมะนิลาที่ยังไม่ฉีดวัคซีนสามารถออกจากที่พักอาศัยได้เฉพาะการเดินทางที่มีความจำเป็นเท่านั้น

ดูเตอร์เตมีชื่อเสียงด้านชอบใช้คำพูดชวนทะเลาะ เมื่อปีที่แล้ว เขาเคยขู่จำคุกคนที่ปฏิเสธฉีดวัคซีน หรือไอเวอร์เมคติน ยาต้านปรสิตที่ใช้รักษาสัตว์

อย่างไรก็ตาม คำพูดล่าสุดของเขาเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลของเขามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าคนไข้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจล้นระบบสาธารณสุขของประเทศอีกครั้ง

จนถึงตอนนี้ ฟิลิปปินส์พบเคสผู้ติดเชื้อโอมิครอนทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว 43 เคส กระตุ้นให้รัฐบาลยกระดับคุมเข้ม

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน