 ‘ซูจี’ ซึ้งใจขอบคุณผู้สนับสนุนร่วมฉลองวันเกิดครบ 76 ปี ด้วยการทัดดอกไม้ต่อต้านรัฐประหาร
|
22 มิถุนายน 2564 : อองซานซูจี ผู้นำที่ถูกขับไล่ของพม่าได้กล่าวขอบคุณบรรดาผู้สนับสนุนของเธอที่ท้าทายรัฐบาลทหารในการฉลองวันเกิดครบ 76 ปีของเธอโดยการประท้วงด้วยดอกไม้ ขณะที่การพิจารณาคดีในข้อหาอาญาของเธอยังคงดำเนินต่อไป
การลุกฮือของประชาชนในพม่าเพื่อต่อต้านการรัฐประหารเมื่อเดือนก.พ. ได้เผชิญกับการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม ที่มีพลเรือนถูกสังหารไปมากกว่า 870 คน ตามการระบุของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น
ผู้ชุมนุมประท้วงทั่วประเทศพร้อมใจกันทัดดอกไม้ที่ผมของพวกเขาเมื่อวันเสาร์ (19) ที่เป็นเอกลักษณ์ของซูจีมาอย่างยาวนาน เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของผู้เป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตยของประเทศ ที่อายุครบ 76 ปี ขณะอยู่ภายใต้การกักบริเวณในบ้านพักของรัฐบาลทหาร
หลายคนเลียนแบบทรงผมพร้อมดอกไม้ของซูจีและอัปโหลดรูปลงบนสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งแต่อดีตนางงามไปจนถึงกองกำลังฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทหาร
“ซูจีได้ขอให้ช่วยส่งคำขอบคุณและแบ่งปันคำอวยพรให้กับประชาชน” ขิ่น หม่อง ซอ ทนายความของซูจี กล่าวกับนักข่าวหลังการไต่สวนของศาลในวันจันทร์ (21) และเสริมว่าซูจีมีสุขภาพแข็งแรงดี
ศาลได้ฟังคำให้การว่าซูจีละเมิดข้อจำกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระหว่างการเลือกตั้งปีก่อน ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของเธอชนะอย่างถล่มทลาย และนำเข้าวิทยุสื่อสารวอล์กกี้ทอล์กกี้อย่างผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ นักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการพิจารณาคดีในศาลพิเศษในกรุงเนปีดอ และนักข่าวของเอเอฟพีระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้านนอกเป็นจำนวนมาก
การประชุมสั้นๆ กับทีมกฎหมายเป็นเพียงช่องทางสู่โลกภายนอกช่องทางเดียวสำหรับซูจี นับตั้งแต่ถูกควบคุมตัวในเดือนก.พ.
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซูจีใช้การปรากฎตัวต่อหน้าศาลครั้งแรกของเธอส่งเสียงต่อต้านรัฐบาลโดยยืนยันว่าพรรค NLD ของเธอจะยังคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ประชาชนยังคงอยู่เพราะพรรคก่อตั้งขึ้นเพื่อประชาชน
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำคณะรัฐบาลทหารได้ให้เหตุผลในการเข้ายึดอำนาจโดยอ้างว่าการเลือกตั้งเดือนพ.ย. มีการทุจริตขนานใหญ่เกิดขึ้น และยังขู่ว่าจะยุบพรรค NLD
ทนายความของซูจีได้กล่าวว่าพวกเขาคาดว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ก.ค.
สำหรับข้อหาอื่นๆ ของซูจียังรวมถึงข้อกล่าวหาที่อ้างว่าเธอรับเงินและทองคำอย่างผิดกฎหมาย และละเมิดกฎหมายความลับราชการ. |
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์ |
กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน
