 ธนาคารโลกแนะลาวขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษียาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
|
11 มกราคม 2567 : ธนาคารโลกระบุว่า ลาวควรปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มภาษีบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะจัดการกับภาวะเงินเฟ้อสูง และการอ่อนค่าของสกุลเงิน
รัฐบาลควรใช้จ่ายเงินมากขึ้นในด้านการดูแลสุขภาพและการศึกษา เพื่อวางรากฐานสำหรับการพัฒนาในอนาคต อเล็กซ์ เครเมอร์ ตัวแทนของธนาคารในลาว ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อเดือนก่อน
แต่คำแนะนำเรื่องภาษีของธนาคารโลกส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของประเทศ ที่ต้องต่อสู้กับราคาที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การลงทุนจากต่างประเทศต่ำ และหนี้สาธารณะที่อาจเติบโตถึง 125% ของจีดีพีในปีนี้
หนี้จำนวนมหาศาลที่สูงถึง 18,700 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2565 ได้ทำลายเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ และชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ เครเมอร์กล่าวในรายงาน
หนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นหนี้จีน ที่ช่วยลาวสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และการลงทุนอื่นๆ ของจีน ที่ยังรวมถึงถนนและเขื่อนไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้อนุมัติโครงการสัมปทาน 192 โครงการ มูลค่าเกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของปีก่อนหน้านั้น ตามการระบุของกระทรวงวางแผนและการลงทุน
นักลงทุนส่วนใหญ่มากจากจีนและเวียดนาม ที่มุ่งเน้นที่ภาคการทำเหมือง พลังงาน และการเกษตร กระทรวงระบุในรายงาน
โครงการที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลในปี 2565 มีมูลค่า 2,300 ล้านดอลลาร์ ตามการระบุของกระทรวง ส่วนใหญ่ของโครงการอยู่ในภาคการทำเหมือง ที่สามารถสร้างงานให้คนในท้องถิ่นได้มากขึ้น
“แน่นอนว่ามีผลกระทบบางอย่าง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถนนในท้องถิ่นได้รับความเสียหาย แต่บริษัทที่ลงทุนรับผิดชอบสิ่งเหล่านั้น ซึ่งคนท้องถิ่นจะมีโอกาสได้ทำงาน” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าว
เงินกีบของลาวอ่อนค่า 29% เมื่อเทียบกับเงินบาทของไทย และ 21% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน สาเหตุหลักของการอ่อนค่าคือการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศที่จำเป็นในการชำระหนี้และทุนในโครงการพัฒนา
เช่นเดียวกับภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT จะถูกบวกเข้ากับราคาของผลิตภัณฑ์หรือบริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิต การปรับเพิ่มจาก 7% เป็น 10% และการเพิ่มรายได้จากการขายยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้การเงินของรัฐบาลมีเสถียรภาพ เครเมอร์ระบุ
รัฐบาลลาวได้ดำเนินการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ขายทรัพย์สินของรัฐ และกำจัดรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ
เจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งชาติของลาว เผยกับสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีว่า มาตรการอื่นๆ ในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ เช่น การบังคับอัตราแลกเปลี่ยน และการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจัดการเงินตราต่างประเทศนั้นไม่ได้ผล
“เราไม่สามารถควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนได้ แม้ว่าเราจะปิดร้านแลกเปลี่ยนเงินทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่เราไม่สามารถตรวจสอบทุกอย่างและทุกที่ได้” เจ้าหน้าที่กล่าว โดยขอไม่เปิดเผยตัวตนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เช่นเดียวกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ ในรายงานนี้
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของลาวได้เปิดเผยกฎใหม่ที่กำหนดให้บริษัทนำเข้า-ส่งออกทั้งหมดต้องจดทะเบียนกับรัฐบาลและดำเนินธุรกรรมต่างประเทศผ่านธนาคารในลาวเท่านั้น
“เราต้องการให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการชำระเงินผ่านธนาคารในลาว เพื่อให้สกุลเงินต่างชาติอยู่ในระบบมากขึ้น” เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังของลาวระบุ
ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในลาวไม่สามารถขายเงินต่างประเทศให้ลูกค้าได้ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ธนาคารพัฒนาร่วมสาขาหลวงพระบาง
“เราทำได้เพียงซื้อสกุลเงินต่างประเทศเท่านั้น แต่หากลูกค้าต้องการเงินสกุลต่างประเทศจริงๆ สามารถเขียนจดหมายอย่างเป็นทางการขอซื้อเงินตราต่างประเทศจากธนาคารใดก็ได้” เจ้าหน้าที่ระบุ
เนื่องจากมาตรการบังคับเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศของรัฐบาล ทำให้นักธุรกิจในลาวหันไปพึ่งพาตลาดมืด พนักงานของบริษัทนำเข้า-ส่งออกที่นำเข้าสินค้าจากไทยระบุ. |
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์ |
กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน
