header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

พม่าประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 6 เดือน ไร้วี่แววจัดเลือกตั้ง

ASEAN News

31 กรกฎาคม 2566 :  รัฐบาลทหารพม่าประกาศขยายเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 เดือนวันนี้ (31) ที่เป็นสัญญาณการเลื่อนเลือกตั้งที่พวกเขาได้ให้คำมั่นไว้ว่าจะจัดขึ้นในเดือน ส.ค.

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ถูกทำลายด้วยความรุนแรงนับตั้งแต่การรัฐประหารที่โค่นล้มรัฐบาลของอองซานซูจีเมื่อกว่า 2 ปีก่อน และดำเนินการปราบปรามอย่างนองเลือดต่อผู้เห็นต่าง

พลเรือนหลายพันคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เมื่อรัฐบาลทหารเข้าต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธที่ก่อตั้งขึ้นใหม่และมีอยู่เดิมซึ่งต่อต้านการปกครองของทหาร

 

มี้นต์ ส่วย รักษาการประธานาธิบดี กล่าวต่อที่ประชุมสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ (NDSC) ว่า “การบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินจะขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2566”

รัฐธรรมนูญฉบับ 2551 ที่กองทัพร่างขึ้น ซึ่งรัฐบาลทหารระบุว่ายังคงมีผลบังคับใช้นั้น กำหนดให้ทางการต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 6 เดือนหลังจากยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารได้ให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในเดือน ส.ค.ปีนี้

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อธิบายต่อที่ประชุมสภาว่าการสู้รบและการโจมตียังคงเกิดขึ้นในภูมิภาคสะกาย มะเกว พะโค และตะนาวศรี รวมถึงในรัฐกะเหรี่ยง กะยา และชิน

“เราต้องการเวลาเพื่อทำหน้าที่ของเราในการเตรียมการอย่างเป็นระบบ เราไม่ควรจัดการเลือกตั้งอย่างเร่งรีบ” พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวในที่ประชุม

รัฐบาลทหารได้ขยายเวลาการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินออกไปแล้วครั้งหนึ่งในปีนี้ หนึ่งวันหลัง NDSC ระบุว่าสถานการณ์ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวในเวลานั้นว่า กว่า 1 ใน 3 ของเมืองในพม่ายังไม่ได้อยู่ในความควบคุมของทหารอย่างสมบูรณ์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหารได้สร้างความประหลาดใจให้รัฐบาลทหารจากประสิทธิภาพของพวกเขา และลากกองทัพเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบาก

กองกำลังฝ่ายรัฐบาลทหารได้เผาทำลายหมู่บ้าน วิสามัญฆาตกรรม และใช้การโจมตีทางอากาศและการระดมยิงด้วยปืนใหญ่ ลงโทษชุมชนที่ต่อต้านการปกครองของพวกเขา กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุ

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย พูดเป็นนัยในเดือน ก.ค.ว่า กองทัพอาจขยายสถานการณ์ฉุกเฉินและเลื่อนการเลือกตั้งที่ได้สัญญาไว้ โดยระบุว่าจำเป็นพยายามให้มากขึ้นเพื่อยุติความไม่สงบ

หลังรัฐบาลของเธอถูกโค่นล้ม ซูจี วัย 78 ปี ถูกตัดสินความผิดในหลายข้อหา และถูกตัดสินจำคุกรวม 33 ปี

ความพยายามทางการทูตที่จะยุติความขัดแย้งภายใต้การนำของสหประชาชาติและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หยุดชะงัก เนื่องจากกองทัพปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมกับฝ่ายตรงข้าม

การปราบปรามผู้เห็นต่างของกองทัพได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 3,800 คน และมีผู้ถูกจับกุมตัวอีกกว่า 24,000 คน ตามการระบุของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น

แต่รัฐบาลทหารกล่าวว่า พลเรือนมากกว่า 4,000 คน ถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้าย นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจ.

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน