‘นาจิบ’ ได้รับหนังสือแจ้งเตือน ‘ล้มละลาย’ หลังค้างจ่ายภาษีกว่า 12,500 ล้านบาท
|
7 เมษายน 2564 : อดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซียได้รับหนังสือแจ้งเตือนล้มละลาย (bankruptcy) จากการที่เขาค้างจ่ายภาษีมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,500 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวอ้างถูกกลั่นแกล้งเพื่อทำลายอนาคตทางการเมือง
หลังจากที่แพ้ศึกเลือกตั้งในปี 2018 นาจิบ ก็ถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตและฟอกเงิน โดยเป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่เงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ถูกขโมยไปจากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ที่ตัวเขาเองร่วมก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2009
อดีตผู้นำวัย 67 ปี ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และเมื่อวันจันทร์ (5 เม.ย.) ก็ได้เริ่มกระบวนการยื่นอุทธรณ์คำตัดสินจำคุก 12 ปีในคดีที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB
ปีที่แล้ว ศาลมาเลเซียได้มีคำสั่งให้ นาจิบ ต้องดำเนินการชำระภาษีจำนวน 1,690 ล้านริงกิต (ราว 12,800 ล้านบาท) ที่คั่งค้างสะสมมาตั้งแต่ปี 2011-2017 ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยวงเงินนี้ยังรวมทั้งค่าปรับและดอกเบี้ยด้วย
นาจิบ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อค่ำวันอังคาร (6) ว่า การที่คณะกรรมการสรรพากรของมาเลเซีย ( Inland Revenue Board of Malaysia - IRBM) ส่งหนังสือแจ้งเตือนล้มละลายเนื่องจากการที่เขาค้างชำระภาษีเมื่อวันจันทร์ (5) น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่พรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (UMNO) ของเขาประกาศยุติความร่วมมือกับรัฐบาลของนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
ทั้งนี้ หากถูกประกาศให้เป็นบุคคลล้มละลาย นาจิบก็จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้
“ผมจะไม่ยอมก้มหัวให้กับกลุ่มคนที่ใช้กฎหมายบ้านเมืองเป็นเครื่องมือกดดันผม โดยมีเป้าหมายทางการเมืองและความโลภที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป” นาจิบ กล่าว
สำนักงานของ มูห์ยิดดิน ยังไม่แสดงความเห็นใดๆ ในประเด็นนี้ ส่วนโฆษกคณะกรรมการสรรพากรก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เช่นกัน
แม้จะโดนข้อหาหนักหลายกระทง อีกทั้งยังไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคอัมโนแล้ว แต่ นาจิบ ยังได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมสูง และมีการสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อโซเชียลอยู่เสมอ โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊กซึ่งเขามียอดผู้ติดตามกว่า 4 ล้านคน สูงกว่านักการเมืองคนใดในมาเลเซีย |
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์ |
กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน