ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)
|
 |
1 สิงหาคม 2559 : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ว่ากฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของมาเลเซียมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้เป็นต้นไป โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "กฎหมายสภาความมั่นคงแห่งชาติ" ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ดำรงตำแหน่งประธาน โดยมีอำนาจพิเศษหลายด้านที่รวมถึงการกำหนด "พื้นที่ความมั่นคง" ที่อาจเป็นการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเข้ามาประจำการ การตรวจค้นตัวบุคคล ยานพาหนะ และอาคารสถานที่แห่งใดก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหมายศาล นอกจากนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวซึ่งผ่านการอนุมัติของรัฐสภาเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ยังมอบอำนาจอย่างเต็มที่ให้รัฐบาลสามารถประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ซึ่งกำลังประสบกับ "ภัยคุกคามด้านความมั่นคง" และการสามารถละเว้นจากการถูกตรวจสอบ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวิสามัญผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรมและยาเสพติด ท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างหนักจากทั้งในและต่างประเทศ ว่ากฎหมายสภาความมั่นคงแห่งชาติคือ"อาวุธ" ของนายนาจิบที่จะใช้จัดการกับฝ่ายที่เห็นต่างหรือศัตรูทางการเมืองคนใดก็ตามที่ออกมาแสดงท่าทีขัดขืนต่อรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นการลิดรอนเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน ด้วยการ "สร้างความหวาดกลัว" โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายนี้คือการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนของผู้นำมาเลเซีย ในการเพิ่มการกุมอำนาจและป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นจำเลยของการตรวจสอบในทุกกรณี โดยเฉพาะกรณีอื้อฉาวการคอร์รัปชั่นภายในกองทุนพัฒนาประเทศ "วัน มาเลเซีย เดเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" ( วันเอ็มดีบี ) ที่รัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินการขออายัดทรัพย์สินของวันเอ็มดีบีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 35,000 ล้านบาท ) ฐานต้องสงสัยเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม นายนาจิบซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมานานร่วม 7 ปีแล้ว ยืนกรานว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นสิ่งที่ "จำเป็น" โดยอ้างเหตุผลเรื่องสถานการณ์การก่อร้ายบนโลกที่มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้น |
|
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์ |
