header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

"บลูมเบิร์ก" วิเคราะห์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใกล้ถึงจุดจบเพราะพิษจำนำข้าว

ASEAN News

25 มกราคม 2557 : นิตยสาร "บลูมเบิร์ก บิสซิเนสวีค" นำเสนอบทความพิเศษเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ในชื่อเรื่อง "เวลาของรัฐบาลไทยกำลังใกล้หมดลงแล้ว" โดยบรูซ ไอน์ฮอร์น ว่าทุกสายตากำลังจับจ้องว่าการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ แน่นอนว่านายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งตามแผน แต่คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งต้องการให้มีเลื่อนเวลาออกไป เนื่องจากรัฐบาลของเธอกำลังถูกต่อต้านอย่างหนักในหลายเรื่อง รวมถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นพี่ชายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ *อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาเป็นเอกฉันท์เมื่อวันศุกร์ ว่าการเลือกตั้งสามารถเลื่อนออกไปได้ ซึ่งทั้งรัฐบาลและคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งมีอำนาจและความรับผิดชอบร่วมกันที่จะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ หากกำหนดการเดิมที่วางเอาไว้อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศ

 

แต่กระนั้นไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตรงตามกำหนดหรือไม่ วันเวลาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีกำลังเหลือน้อยลงทุกขณะ ไอน์ฮอร์นยกบทวิเคราะห์ตอนหนึ่งของคุณพิมพ์ผกา นิจการุณ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด ( มหาชน ) ซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้จะล่มสลายในไม่ช้า ด้วยผลจากภาวะชะงักงันทางการเมืองในประเทศ แม้สถานการณ์จะยืดเยื้อมานานหลายสัปดาห์ แต่ส่วนตัวเธอหวังว่าวิกฤตจะได้รับการคลี่คลายภายในเดือนมี.ค. จากการแทรกแซงของทหาร หลังคำพิพากษาของศาลในหลายคดีที่รัฐบาลตกเป็นจำเลย จะนำไปสู่การโค่นอำนาจรัฐบาลชุดนี้ และมีโอกาสน้อยมากที่รัฐบาลรักษาการจะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง และกลับมาเป็นรัฐบาลแบบเต็มตัวอีกครั้งในอนาคต

หากเป็นเช่นนั้นจริงนั่นหมายความว่า นโยบายประชานิยมหลายข้อของรัฐบาลชุดนี้อาจต้องถูกยกเลิกด้วย เห็นชัดที่สุดคือโครงการรับจำนำข้าวอันอื้อฉาว ในอดีตไทยคือประเทศส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก แต่ปัจจุบันต้องสูญเสียบัลลังก์แชมป์และส่วนแบ่งในตลาดให้กับเวียดนามและอินเดีย เนื่องจากข้าวไทยมีราคาแพงกว่า ทั้งนี้ สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ออกรายงานเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ประเมินปริมาณข้าวคงค้างของไทยว่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 ในปี 2557

โครงการรับจำนำข้าวสร้างความอับอายให้กับรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างมาก เนื่องจากส่งผลให้ภาครัฐเป็นฝ่ายขาดทุนมหาศาล และทำให้ตระกูลชินวัตรกำลังสูญเสียฐานเสียงทางการเมืองในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเกษตรกรกำลังโกรธแค้นอย่างหนักที่ไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวตามสัญญา คือวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งการเคลื่อนไหวของชาวนาในครั้งนี้ได้กลายเป็นแรงสนับสนุนให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล

โครงการรับจำนำข้าวกำลังย้อนกลับมาทำลายรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด และเปิดโอกาสให้กองทัพได้มีช่วงพักหายใจบ้าง หลังกำลังถูกจับตามองในเรื่องการทำรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลและ "ระบอบทักษิณ" เนื่องจากอำนาจตุลาการอาจเป็นฝ่ายล้มรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์เสียเอง โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) กำลังไต่สวนน.ส.ยิ่งลักษณ์ฐานมีส่วนพัวพันกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งโยงไปถึงสมาชิกรัฐสภาอีก 308 คน ส่วนใหญ่มาจากพรรครัฐบาล ทั้งนี้ หากพบว่ามีความผิดจริง ทุกคนอาจต้องเว้นวรรคทางการเมืองนานถึง 5 ปี

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากองทัพหรือศาลจะเป็นฝ่ายโค่นอำนาจรัฐบาล จุดจบทางการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์คงไม่เกิดขึ้นเร็วพอที่จะช่วยเยียวยาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศที่กำลังบอบช้ำในช่วงเทศกาลตรุษจีน เมื่อนักท่องเที่ยวจากจีนลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์ .    

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน