header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

ไทย—กัมพูชาจับมือพัฒนาชายแดน
 

11 มิถุนายน 2556 : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทยกับกัมพูชา (เจซีดีซี) ครั้งที่ 1 โดยในส่วนของไทย ประกอบด้วย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา โดยมีนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศและและความร่วมมือระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชา

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสุรพงษ์ และนายนัมฮง ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญา ภายใต้กรอบแอคเมคส์(ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนเพาะปลูกสินค้าเกษตรที่ผลิตไม่พอในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีรัฐมนตรีทั้งหมดร่วมเป็นสักขีพยาน

จากนั้น นายสุรพงษ์ แถลงว่า นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศมีเจตนารมย์ร่วมกันที่ต้องการเห็นชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นชายแดนแห่งความสุข มิตรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกันให้มีความยั่งยืนต่อไป โดยแนวคิดริเริ่มนี้ถือเป็นนโยบายที่สำคัญยิ่งของรัฐบาลไทยต่อประเทศเพื่อนบ้าน และจะเป็นต้นแบบในการดำเนินงานกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆของไทย

ด้านนายนัมฮง กล่าวว่า การหารือในวันนี้เกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศของความเป็นมิตรและความเข้าใจ อีกทั้งยังครอบคลุมความร่วมมือในทุกด้าน ขณะที่การลงนามในเอ็มโอยูการทำเกษตรแบบมีสัญญาก็จะช่วยชาวกัมพูชาให้สามารถขายสินค้าเกษตรโดยมีการรับรองเรื่องราคาอีกด้วย สำหรับประเด็นการหารือที่ 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มี 12 ประเด็นหลัก คือ 1.การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นใน 2 จุด คือที่จ.สระแก้ว-จ.บันเตียเมียนเจย และที่จ.ตราด-จ.เกาะกง โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษารายละเอียดของความเป็นไปได้ต่างๆ 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง ประกอบด้วยเส้นทางถนนหมายเลข 5, 6 และ 48 ของกัมพูชา รวมถึงเส้นทางรถไฟจากอ.อรัญประเทศถึงบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ระยะทาง 6 กิโลเมตร และจากอ.ปอยเปต-อ.ศรีโสภณ ระยะทาง 48 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการเดินทางขนส่งและการค้าระหว่างกัน รวมถึงทั้ง 2 ฝ่ายจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเปิดจุดผ่านแดนใหม่ที่บ้านสตีงบท-หนองเอียน เพื่อช่วยลดความแออันของด่านที่ใช้ในปัจจุบัน นายนัมฮง กล่าวอีกว่า 3.จะยกระดับและเปิดจุดผ่านแดนใหม่อีก 4 จุด เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าและการเดินทางไปมาของประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยยกระดับจุดผ่อนปรน 3 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร ได้แก่ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี-บ้านสะเตียลกวาง จ.พระตะบอง บ้านเขาดิน จ.สระแก้ว-พนมได จ.พระตะบอง บ้านท่าเส้น จ.ตราด-บ้านทมอดา จ.โพธิสัต และเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าใหม่ 1 แห่งที่ ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์-ช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ซึ่งต้องรอให้การสำรวจและปักปันเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวแล้วเสร็จก่อน 4. เร่งทำการกวาดล้างทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ชายแดน 5.จัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับเอกสารที่จะใช้ในการเดินทางผ่านแดนสำหรับประชาชนตลอดแนวชายแดนเพื่อการเข้าไปทำงานแต่ละวัน การทำงานระยะสั้น ไปจนถึงการทำงานตามฤดูกาล เพราะกัมพูชาอยากให้ใช้บัตรผ่านแดนแทนหนังสือเดินทาง 6.ความร่วมมือด้านพลังงานและไฟฟ้า โดยไทยจะเพิ่มการขายไฟฟ้าให้กัมพูชา จาก 80 เมกกะวัตต์ เป็น 120 เมกกะวัตต์ และการร่วมกันพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จ.เกาะกง

นายนัมฮง กล่าวว่า 7.ไทยและกัมพูชาตั้งเป้าว่าจะเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันตั้งแต่ปี 2555-2558 ให้ได้ร้อยละ 30 ต่อปี 8.การทำการเกษตรแบบมีสัญญา 9.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อาทิ ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน การศึกษาเพื่อเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาไทยและกัมพูชาของประชาชนในพื้นที่ และการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 10.ส่งเสริมการพัฒนาชุมชนภายใต้โครงการต่างๆ 11.การพัฒนาโครงการสามเหลี่ยมมรกต ระหว่างไทย-กัมพูชา-ลาว และ 12.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงการผลักดันความร่วมมือ ท่ามกลางปัญหาปราสาทพระวิหาร ว่า นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ หารือกันแล้วว่าทั้ง 2 ประเทศจะแยกประเด็นความสัมพันธ์ ออกจากเรื่องปราสาทพระวิหาร เพราะความสัมพันธ์ขณะนี้ถือว่าดีมาก และไทย-กัมพูชาต้องอยู่ด้วยกันและพึ่งพากันไปอย่างนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ในช่วงเย็น คณะรัฐมนตรีของไทย ได้เข้าเยี่ยมคาราวะสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่พระราชวังสันติภาพ ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงค่ำวันนี้.

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์

 

 

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน