header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

เศรษฐีเวียดนามโดนโทษประหารชีวิต ฐานฉ้อโกงแบงก์ 4.5 แสนล้าน

ASEAN News

12 เมษายน 2567 :  ศาลในเวียดนามอ่านคำพิพากษาเมื่อวันพฤหัสบดี (11 เม.ย.) ประหารชีวิต เจือง มาย ลัน มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ ในคดีฉ้อโกงทางการเงิน 304 ล้านล้านด่อง (ราว 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.5 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นคดีฉ้อโกงครั้งมหาฬารที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ

การพิจารณาคดีนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม และจบลงเร็วกว่าแผนที่วางเอาไว้ ในขณะที่มันเป็นหนึ่งในผลลัพธ์อันน่าตื่นตะลึงของยุทธการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่ทาง เหงียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เคยประกาศว่าจะล้างบางมานานหลายปีแล้ว

 

ลัน นักธุรกิจหญิงและประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ Van Thinh Phat Holdings Group ถูกพบว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง ติดสินบนและละเมิดกฎระเบียบด้านธนาคาร ในช่วงท้ายของการพิจารณาคดีที่มีขึ้นที่เมืองโฮจิมินห์ ซิตี ศูนย์กลางธุรกิจของเวียดนาม

"เราจะเดินหน้าสู้ต่อไป ดูว่าเราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง" สมาชิกครอบครัวรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ ทั้งนี้ก่อนหน้ามีคำพิพากษา เขาบอกว่า ลัน จะยื่นอุทธรณ์ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาในรูปแบบใด ขณะที่ทนายความของ ลัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ลัน ให้การรับสารภาพหรือไม่อย่างไร แม้สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานโดยอ้างข้อมูลจากคณะอัยการว่า เธอให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานว่ามีจำเลย 84 คนในคดีนี้ที่ถูกพิพากษาลงโทษแตกต่างกันออกไป ไล่ตั้งแต่รอลงอาญา 3 ปี ไปจนถึงติดคุกตลอดชีวิต

ลัน และบรรดาผู้สมคบคิดของเธอ ถูกกล่าวหายักยอกเงิน 304 ล้านล้านด่อง จากธนาคารไซง่อนคอมเมอร์เชียล (เอสซีบี) ที่เธอแทบจะควบคุมโดยสมบูรณ์ ผ่านตัวแทนหลายสิบราย อ้างอิงจากพวกเจ้าหน้าที่สืบสวน

ในปี 2011 ลัน กลายเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจชื่อดังในนครโฮจิมินห์ และเธอยังได้รับอนุญาตให้ควบรวมกิจการธนาคารขนาดเล็ก 3 รายที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และรวมกันกลายเป็นธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล (Saigon Commercial Bank)

ตามกฎหมายของเวียดนาม มีข้อห้ามไม่ให้บุคคลใดก็ตามถือหุ้นในธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่งเกิน 5% แต่อัยการในคดีนี้ระบุว่า เธอมีตัวแทนถือหุ้นให้เธอในรูปแบบบริษัทเปล่า (shell companies) หลายพันราย รวมถึงบุคคลธรรมดาอื่นๆ ที่ถือหุ้นแทนเธอ ทำให้โดยรวมแล้ว เธอเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคาร ไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียลมากกว่า 90%

จากนั้นช่วงต้นปี 2018 ถึงเดือนตุลาคม 2022 ครั้งที่ภาครัฐปล่อยกู้แก่เอสซีบี ครั้งเผชิญวิกฤตแห่ถอนเงิน ลัม จัดสรรเงินจำนวนมากจากเงินกู้ให้แก่บริษัทเปล่า (shell company หรือบริษัทที่ไม่ได้ทำธุรกิจใดๆ เป็นชิ้นเป็นอัน ถือครองและบริหารโดยนอมินี) ทั้งหลายของเธอ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

อัยการกล่าวหาว่า เธอยังใช้อำนาจในการแต่งตั้งคนของตัวเองขึ้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการหลายแผนก และสั่งให้พวกเขาอนุมัติเงินกู้หลายร้อยครั้งให้เครือข่ายบริษัทเปล่าซึ่งเธอควบคุมอยู่ ทั้งนี้ เมื่อนับรวมยอดเงินกู้ที่เธอได้ไปจากธนาคารดังกล่าว พบว่าสูงถึง 93% ของยอดการปล่อยกู้ทั้งหมดของธนาคารแห่งนี้

ยุทธการเตาหลอมอันโชติช่วง (Blazing Furnace) เพื่อปราบคอร์รัปชันในประเทศของเวียดนาม พบเห็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหลายร้อยคนและเหล่าผู้บริหารธุรกิจชื่อดังถูกดำเนินคดีหรือไม่ก็ถูกบีบให้ลาออก

ตามหลังการจับกุมเป็นหมู่คณะครั้งใหญ่ที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2022 ตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามสูญมูลค่าไปกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงเวลาละเอียดอ่อนของเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วแห่งนี้
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน