header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

เวียดนามตั้งรอง ปธน.หญิงนั่งรักษาการประมุขแห่งรัฐ หลังสภาลงมติถอดถอนผู้นำประเทศ

ASEAN News

21 มีนาคม 2567 :  สภานิติบัญญัติของเวียดนามได้แต่งตั้งรองประธานาธิบดีหวอ ถิ แอ็ง ซวน เป็นรักษาการประมุขแห่งรัฐวันนี้ (21) หลังจากประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดที่หลุดจากตำแหน่งท่ามกลางการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเข้มข้นของพรรคคอมมิวนิสต์

หวอ วัน เถือง อายุ 53 ปี ถูกถอดออกจากคณะกรรมการกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ หรือโปลิตบูโร ฐานละเมิดกฎระเบียบพรรค และกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ออกจากตำแหน่งภายในเวลาเพียงปีกว่าในเวียดนาม ที่การเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำในช่วงไม่กี่ปีมานี้มักเกี่ยวข้องกับนโยบายปราบปรามการติดสินบน


 

ซวน หนึ่งในสตรีเพียงไม่กี่คนที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงในการเมืองของเวียดนาม ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียงปีกว่า

“โปลิตบูโรได้มอบหมายให้หวอ ถิ แอ็ง ซวน เป็นรักษาการประธานาธิบดีจนกว่ารัฐสภาจะเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญของเวียดนาม”​ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ VnExpress รายงาน และรัฐบาลได้ยืนยันการแต่งตั้งเธอด้วยเช่นกัน

ประธานาธิบดีมีบทบาทในด้านพิธีการเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นหนึ่งใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

ซวนเติมเต็มช่องว่างในช่วง 6 สัปดาห์หลังจากเหวียน ซวน ฟุก ก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการละเมิดและการกระทำผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

หวอ วัน เถืองถูกมองอย่างกว้างขวางว่ามีความใกล้ชิดกับเลขาธิการพรรคเหวียน ฝู จ่อง ที่เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเวียดนาม และเป็นผู้กำกับการรณรงค์ต่อต้านการรับสินบนที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

เมื่อวันพุธ (20) คณะกรรมการกลางพรรคได้ยอมรับการลาออกของเถือง และถอดถอนเขาออกจากโปลิตบูโร ที่เป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในประเทศ และตำแหน่งหัวหน้าสภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติประมาณ 88% เห็นชอบการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในการลงมติวันนี้ (21)

คณะกรรมการระบุว่า ‘ข้อบกพร่องของเถืองส่งผลเชิงลบต่อความคิดเห็นของประชาชน กระทบชื่อเสียงของพรรค รัฐ และตัวเขาเอง’ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาทำอะไรผิด

นักลงทุนต่างชาติและนักการทูตกล่าวโทษการปราบปรามอย่างกว้างขวางว่าส่งผลให้การตัดสินใจช้าลงในประเทศที่กำลังต่อสู้กับระบบราชการที่ยุ่งยากอยู่แล้ว

นักวิเคราะห์กล่าวว่าวิกฤตการเมืองในปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกประธานาธิบดีคนใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่ ด้วยการเปลี่ยนตัวผู้นำระดับสูงหลายครั้งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจในประเทศที่ต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศสูง

สภานิติบัญญัติอาจประกาศแต่งตั้งประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อมีการประชุมสมัยสามัญครั้งถัดไปในเดือน พ.ค. หรือเร็วกว่านั้นหากมีการประชุมนัดพิเศษ

แค็ง หวู ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกจากวิทยาลัยบอสตัน กล่าวว่าการลาออกไม่ควรนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อนโยบายต่างประเทศของเวียดนาม โดยเฉพาะจุดยืนที่เป็นกลางของประเทศระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ด้านสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอย กล่าวว่า “วอชิงตันมั่นใจว่าโมเมนตัมเชิงบวกในความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราจะยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่เราดำเนินการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ครอบคลุม”.
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน